ภูพระบาท พยานแห่งอารยธรรมโบราณ สู่มรดกโลก เปิดให้เข้าชมฟรี

ภูพระบาท1

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แจ้งข่าวดีว่า ภูพระบาท ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น แหล่งมรดกโลกทาง วัฒนธรรม อย่างเป็นทางการแล้ว โดยได้รับการรับรองจากคณะกรรมการมรดกโลก ณ กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2567

ภูพระบาท ซึ่งมีความหมายว่า "ภูเขาที่มีรอยพระพุทธบาท" นั้น ถือเป็นแหล่งมรดกโลกแห่งที่ 2 ของจังหวัดอุดรธานี ต่อจากแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง และเป็นแหล่งมรดกโลกลำดับที่ 8 ของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภูพระบาทเป็น แหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งที่ 5 ของประเทศไทย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของไทยอย่างยิ่ง

จุดเด่นของภูพระบาทที่ทำให้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

  • ประจักษ์พยานแห่งวัฒนธรรมสีมา สมัยทวารวดี: ภูพระบาทเป็นตัวแทนที่สำคัญของวัฒนธรรมสีมาในสมัยทวารวดี ซึ่งเป็นอารยธรรมโบราณที่มีความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคอินโดจีน
  • การใช้ประโยชน์จากธรรมชาติ: ภูพระบาทแสดงให้เห็นถึงความสามารถของบรรพบุรุษในการใช้ประโยชน์จากธรรมชาติในการสร้างสรรค์ศิลปกรรมและสถาปัตยกรรม
  • การสืบทอดวัฒนธรรม: วัฒนธรรมที่เกิดขึ้นที่ภูพระบาทได้ถูกสืบทอดและรักษาต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

 

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการร่วมชื่นชมอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จังหวัดอุดรธานี แหล่งมรดกทางวัฒนธรรมของไทยที่ได้รับการยกย่องเป็นมรดกโลก และให้ประชาชนคนไทย รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ร่วมเฉลิมฉลอง กระทรวงวัฒนธรรม ได้ประกาศยกเว้นค่าธรรมเนียมเข้าชม ตั้งแต่วันนี้ 28 กรกฎาคม – 12 สิงหาคม 2567

นายชัย กล่าวว่า รัฐบาลคำนึงถึงการอนุรักษ์และพัฒนามรดกสำคัญของชาติ โดยกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ได้จัดทำแผนการอนุรักษ์และพัฒนาอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว จัดทำแผนบริหารการจัดการด้านการท่องเที่ยวแบบบูรณาการ ซึ่งจะครอบคลุมถึงการอนุรักษ์ และต่อยอดองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับ วัฒนธรรม ในประเทศไทย รวมทั้งการพัฒนาสภาพแวดล้อมทางกายภาพให้เหมาะสม ภายหลังการได้รับประกาศเป็นมรดกโลก

แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ ประเทศไทยเรายังมีแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมอีกมากมายที่รอคิวเข้าสู่บัญชีมรดกโลก ไม่ว่าจะเป็น วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช, อนุสรณ์สถานเชียงใหม่, พระธาตุพนม, กลุ่มเทวสถานปราสาทพนมรุ้ง และสงขลา ซึ่งล้วนแต่เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของไทยทั้งสิ้น

สิ่งที่น่าจับตามอง:

  • ความมุ่งมั่นของรัฐบาล: รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมอย่างจริงจัง โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนแหล่งมรดกโลกของไทยให้มากขึ้น
  • ศักยภาพของมรดกไทย: ประเทศไทยมีมรดกทางวัฒนธรรมที่หลากหลายและน่าสนใจ ซึ่งสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับประเทศได้
  • โอกาสในการพัฒนา: การเป็นมรดกโลกจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่นั้นๆ

 

นี่เป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้ร่วมกันอนุรักษ์และส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรมของชาติให้คงอยู่สืบไป เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้และภาคภูมิใจในอดีตของชาติ